วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

หลวงพ่อโตองค์ใหญ่ วัดโบสถ์ สามโคก


ติดตามการเที่ยววัดได้ที่นี่  kunyawan.blogspot.com
                                                    tourwath.blogspot.com



วัดโบสถ์ เป็นวัดที่มีรูปปั้นเหมือนของสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังษี (หลวงพ่อโต) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่มีความสูงถึง 28 เมตร ตั้งอยู่ที่ ต.บางกระบือ อ.สามโคก จ.ประทุมธานี ติดแม่น้ำเจ้าพระยา ใก้กับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาของถนนวงแหวนตะวันตก เดิมว่ากันว่าเป็นวัดเก่าโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยา มีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คือ หลวงพ่อเหลือ



  ทำบุญ สะเดาะเคราะห์ ต่อชะตา หาที่พึ่งทางใจ แก้ชง แก้บน ล้างซวย หาเครื่องรางของขลัง หาวัตถุมงคล ขอหวยขอเบอร์ คนส่วนมากเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่วัด ด้วยเหตุนี้จึงต้องไปวัด และอาจจะมีอีกหลายเหตุผลที่ต้องไปหาเอาที่วัด ที่อื่นน่าจะมีไม่ครบอะไรทำนองนั้น อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละบุคคล สิ่งไหนที่ทำแล้วมีความสุข เป็นการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองก็ทำไปเหอะ ไม่เสียหายอะไร แต่อย่าถึงขั้นงมงายก็แล้วกัน
    เรื่องที่จะเล่าให้ฟังกับการไปวัดต่อไปนี้ ไม่ได้เกี่ยวกับหัวข้อที่กล่าวมาข้างต้นเลย (เอ...จะว่าไม่เกี่ยวเลยเสียทีเดียวก็ไม่เชิงนัก เอาเป็นว่ามีอยู่บ้างนิดๆ) เรื่องของเรื่องก็คือว่า ความที่เป็นคนว่างงานไม่มีอะไรจะทำ นั่งหายใจเข้าหายใจออกอยู่เฉยๆ เซ็ง... ก็เลยหาที่จะไปเดินยืดเส้นยืดสายคลายกล้ามเนื้อหน่อย ประกอบกับใกล้เวลาอาหารมื้อเที่ยงแล้ว ถือโอกาสนี้ออกไปหาอะไรทานนอกบ้านเสียเลย เหตุที่เลือกไปวัดก็เพื่อต้องการจะไปเที่ยวดูความสวยงาม ความแปลก ของสิ่งปลูกสร้าง ขณะเดียวกันก็มีอาหารอร่อยๆ ให้ทานด้วย ครั้นจะไปวัดใกล้ๆแถวนี้ก็เกรงว่ามันจะยังไม่ทันจะหายเซ็ง ก็เลยเลือกไปวัดไกลจากบ้านออกไปหน่อย คือวัดโบสถ์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี เป็นวัดที่มีสมเด็จพุฒาจารย์โต (โต พรหมรังสี) องค์ใหญ่





    ชวนเพื่อนบ้านผู้สูงวัยที่ว่างงานทั้งหลาย รวมสี่ชีวิตอายุรวมกันสองร้อยกว่าๆ โดยมีสารถีหนุ่มโสดอาสาพาไป วัดนี้เคยไปมาแล้วหนหนึ่ง ที่สะดุดตาและน่าสนใจก็เป็นรูปปั้นสมเด็จโตที่มีขนาดใหญ่ ส่วนอื่นๆก็เหมือนกับวัดทั่วๆ ไป เมื่อไปถึงวัด ก็เป็นธรรมเนียมของชาวพุทธทั่วไปที่จะต้องไปจุดธูปเทียนกราบไหว้พระพุทธรูป เพื่อความเป็นสิริมงคล พลางปากก็ขอนั่นขอนี่ขอไปซะทุกเรื่อง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพระท่านจะหามาให้ได้หรือเปล่า  แต่ก็ขอเพื่อความสบายใจ แต่ละคนก็ไปตามแบบที่ตนเองชอบ หลังจากนั้นก็เดินเที่ยวชมพร้อมกับถ่ายภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกกับมุมที่สวยงามต่างๆ เอาไว้อวดใครต่อใครว่าวัดนี้ฉันเคยไปมาแล้ว  










    ได้มาเดินยืดเส้นยืดสายหายเซ็ง ได้ไหว้พระจิตใจเบิกบาน ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ ได้ทานอาหารอร่อยๆ คุ้มค่าสุดๆ แล้ว.... ไหนๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้วก็ใช้เวลาให้คุ้มค่าเสียเลย เดินทางไปเที่ยวต่อที่วัดเจดีย์หอย ชมความแปลกประหลาดที่เจดีย์สร้างด้วยเปือกหอยนางรม 



    ที่วัดแห่งนี้มีของเก่ามากมาย สอบถามได้ความว่าเจ้าอาวาสท่านชอบสะสมของเก่า จึงมีคนเสาะหานำมาถวาย แต่ที่น่าเสียดายอยู่อย่างคือบรรดาของเก่าการเก็บรักษาดูจะไม่ค่อยมีระเบียบ วางทิ้งระเกะระกะอยู่ทั่วไปทำให้คุณค่าของความเป็นของเก่าดูจะลดน้อยลงในสายตาของผู้ที่ไปเยี่ยมชม 




    ที่น่าสนใจอีกอย่างของวัดแห่งนี้ก็คือมีผู้คนไปทำบุญสะเดาะเคราะห์กันมากเป็นพิเศษ แม่ชีประจำวัดท่านหนึ่งกล่าวว่า หลวงพ่อท่านดูดวง ทำนายทายทัก ได้แม่นมากๆ ถึงขนาดแช่ผ้าแล้วลืมซักอยู่ที่บ้านท่านยังรู้เลย โอโห..ถึงขนาดนั้นเชียว ไอ้เราก็ได้แต่ฟังจริงเท็จขนาดไหนต้องไปพิสูจน์กันเอาเองแล้วกัน





    เออ...จริงอย่างที่พระท่านว่าอีกนั่นแหละ คนเราเมื่อมีความสุขสบายดี ไม่เดือดร้อน ก็มักจะไม่นึกถึงวัด แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่สบายใจ เป็นทุกข์ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็แล้วแต่ วัดดูจะเป็นสถานที่แรกที่ผู้คนคิดว่าจะช่วยให้เขาคลายจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงนั้นได้ และอีกอย่างจะหันหน้าเข้าหาวัดก็ต่อเมื่อแก่ตัวลง หวังเป็นที่พึ่งทางใจให้ได้พบแต่สิ่งดีๆ เมื่อลาลับจากโลกนี้ไปแล้ว วกไปวนมามันก็หนีไม่พ้นใจอยู่ดี ใจเท่านั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด จริงไหม...หรือจะเถียง ก็ตามใจไม่ว่ากัน